Saturday, 5 March 2016

บทส่งท้าย

สุดท้ายนี้ฝากข้อคิดดีๆว่า 

"ไม่มีใครอยากจะทำผิดจนต้องเข้าคุก แต่ในช่วงเวลาที่กระทำผิดนั้น อาจจะเป็นด้วยทั้งอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะกิเลสที่ครอบงำในใจ ทั้งความโลภ โกรธ หลง ทำให้หลงเดินผิดทางไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่การที่พวกเขาสำนึกผิด และคิดที่จะแก้ไขอนาคตไม่ให้ผิดพลาดอีก ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม
       
       "เช่นเดียวกับชีวิตการทำงาน เรามีโอกาสที่จะทำผิดพลาดได้ตลอดเวลา ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อทำผิดแล้ว เราต้อง “รู้” ว่ากระทำผิด เพื่อจะแก้ไขไม่ให้เกิดความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่เราควรขอบคุณก็คือ คนที่ให้ “โอกาส” แก่เรา ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัวของเราเองก็ตาม และเมื่อเราได้โอกาสแล้ว จงรู้คุณค่าของโอกาสที่ได้รับ เพื่อส่งต่อโอกาสนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป เหมือนนักโทษประหารที่สำนึกผิดยังได้รับพระราชทานอภัยโทษ เราก็ควรรู้จักการให้อภัย และให้โอกาสคนด้วยเช่นกัน
       
       เพราะเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันที่ดีเพื่ออนาคตที่ดีได้!" 

-นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ กับ ภุมรินทร์ ภมรตราชูกุล-





บทความนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด
หากข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
ขอให้ดวงวิญญาณของรายชื่อนักโทษเด็ดขาดที่ได้กล่าวถึงจงไปสู่ภพภูมิที่ดีด้วยเถิด..

เก็บตก


บรรยากาศที่ตลาดนนทบุรี ที่ฝากท้องของสองหิว



รอยยิ้มจากเด็กน้อย
"ไปปล่อยเต่าที่ท่าน้ำนนท์มาครับ"





การเดินทาง



สนามฟุตบอลที่รู้สึกไม่อยากเตะบอล



และต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางโดยให้เหตุผลที่ว่า
"ให้เพื่อนไปคนเดียวไม่ได้ เพื่อนหน้าตาดี เดี๋ยวเพื่อนโดนฉุด"
..แฮ่..



วัดบางขวาง


ห่างจากเรือนจำกลางบางขวางและวัดบางแพรกใต้ เราเดินทางมาที่วัดบางขวาง ซึ่งก็เป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องและมีความสำคัญกับเรือนจำมากเช่นกัน






วัดบางขวางสันนิษฐานว่าเป็นวัดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดบางยาง (เพราะเคยมีต้นยางใหญ่ขึ้นอยู่ริมคลอง แต่เมื่อถูกฟ้าผ่าเทศบาลเลยต้องตัดลง) ตั้งอยู่ปลายคลองบางสีทอง ในสมัยนั้นแม่น้ำเจ้าพระยาจากหน้าวัดเขมาภิรตารามถึงปากลำแม่น้ำอ้อมยังไม่ได้ขุด แม่น้ำเดิมเข้าทางปากคลองตลาดแก้ว(บางกรวย)ใต้วัดค้างคาว ตรงไปออกปากคลองบางกรวยเหนือวัดชลอแล้วเลี้ยวไปทางเหนือออกปากลำแม่น้ำอ้อม คลองบางสีทองกับคลองบางขวางนั้นเดิมเป็นคลองเดียวกัน
       
       ต่อมาถึงสมัยพระเจ้าปราสาททองเห็นว่าการเดินเรือตามลำแม่น้ำที่มีอยู่นั้นเป็นการอ้อมทำให้เปลืองเวลามาก จึงโปรดให้จัดการขุดผืนแผ่นดินจากวัดเขมาภิรตารามถึงปากลำแม่น้ำอ้อมคลองบางสีทองจึงถูกตัดขาดไป ซึ่งคลองตอนต้นยังคงเรียกว่าคลองบางสีทองตามเดิม 

ในส่วนของคลองตอนปลายก็ได้เรียกชื่อใหม่ว่า คลองบางขวาง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นด้วยเหตุที่คลองนี้ขวางหน้าในการขุดแม่น้ำนั้นเอง ชาวบ้านจึงเรียกว่า คลองบางขวาง ส่วนวัดก็ได้ถูกเรียกชื่อไปตามชื่อคลองว่า วัดบางขวาง จนกระทั่งทุกวันนี้ 




อุโบสถวัดบางขวาง ปกติจะเปิดเฉพาะช่วงทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น เดิมเป็นรูปทรงสมัยโบราณ มีพาไลเตี้ยๆ อยู่ด้านหลัง แต่ปัจจุบันถูกบูรณะซ่อมแซมใหม่แล้วโดยพระญาณวโรดม (สนธิ์ กิจฺจกาโร) เมื่อปี พ.ศ.2503 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่เรียกกันว่า พระปางทรมานท้าวมหาชมพู เป็นพระประธานภายในอุโบสถ พร้อมพระอัครสาวกเบื้องซ้ายและขวา 




 รอบผนังของอุโบสถด้านใน เขียนภาพจิตกรรมที่รวบรวมเกี่ยวกับเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่สำคัญๆของประเทศไทย ส่วนด้านนอกอุโบสถทั้ง 4 ทิศ เป็นที่ตั้งของเจดีย์ 3 ทิศ ภายในเจดีย์มีรูปปั้นเจ้าอาวาสทั้ง 3 รูปที่มรณภาพไปแล้ว ได้แก่ เจ้าอธิการชื่น เขมงฺกโร, พระครูศีลาภิรม(ท้วม ธมฺมธโร) และพระครูศีลาภิรม(เนตร ปญฺญาทีโป) และอีก 1 ทิศคือ หอระฆัง ที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับอุโบสถ


หอระฆังวัดบางขวาง









ตึกขาวที่เคยเป็นที่เรียนของสงฆ์ ปัจจุบันยกให้ร.ร.รัตนาธิเบศร์ 



เจดีย์ทรงลังกาและวิหารเก่าแก่วัดบางขวาง




ตรงที่ที่เป็นเหมือนที่เก็บของเลยจากวิหารไปไม่ไกล แต่ก่อนในอดีตเคยเป็นที่เก็บศพของนักโทษประหารของเรือนจำบางขวาง ซึ่งในตอนนั้น ประตูเรือนจำบางขวางในแดน 7 อันเป็นแดนสำหรับประหารตรงกับประตูวัดบางขวาง เมื่อมีการประหารนักโทษเด็ดขาดแล้วก็จะนำศพออกทางประตูนี้เพื่อตรงมายังวัดบางขวางแห่งนี้เรื่อยมา จนกระทั่งทางเรือนจำกลางบางขวางได้มอบพื้นที่แดน 7 ให้เป็นเรือนจำจังหวัดนนทบุรีดังในปัจจุบัน ทำให้ประตูในการนำศพนักโทษประหารออกไปยังวัดบางขวางห่างไกลขึ้นไม่สะดวก จึงได้ย้ายจากวัดบางขวางไปยังวัดบางแพรกใต้แทน 





  นี่คือ 2 วัด ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งแน่นอนไม่มีใครอยากจะไปลิ้มลองบรรยากาศในเรือนจำแห่งนี้ ฉะนั้นเราควรทำแต่ความดี ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมจรรยา หมั่นเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมนะคะ

ประตูแดง

ด้านหลังกำแพงแดน 11 (แดนสำหรับประหารนักโทษเด็ดขาด) ศพนักโทษที่ถูกประหารแล้วจะถูกนำออกมาทาง ประตูแดง หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า ประตูผี เป็นประตูบานเล็กๆเตี้ยๆ ทรงคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทาสีแดงสด 





เมื่อนำศพออกทางประตูแดงแล้วก็จะนำมาไว้ในที่เก็บศพที่เยื้องกับประตูเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เมื่อก่อนในสมัยที่ยังไม่เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตมาเป็นการฉีดยาและยังไม่มีการขอพระราชทานอภัยโทษ มีศพนักโทษประหารที่ถูกนำออกมาทางประตูแดงบ่อยครั้ง เมื่อเก็บไว้จนเยอะนานๆทีก็ล้าง(ป่าช้า)สักที
       
       แต่เดี๋ยวนี้แทบไม่มีการประหารนักโทษเลย ทำให้ประตูแดงแห่งนี้แทบคล้ายจะปิดตาย ตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประหารจากยิงเป้าเป็นการฉีดยา เมื่อ พ.ศ.2546 มีการประหารนักโทษเด็ดขาดไป 4 ราย และอีก 2 รายเมื่อปี พ.ศ.2552 รวมเป็น 6 ราย ทำให้ปัจจุบันบริเวณประตูแดงฝั่งวัดบางแพรกใต้มีสภาพเปลี่ยวร้างพอสมควร 







นี่เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้านหลังกำแพงเรือนจำแดน 10 ซึ่งเป็นแดนทำอาหาร สวนครัว เพียงไม่กี่ก้าว คุณป้าๆ อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด คำพูดบางส่วนจากคุณป้าเล่าให้ฟังว่า "โอ้ยย เกิดมาก็เห็นกำแพงสูงอยู่หน้าบ้านเลยลูกเอ้ย บางวันก็ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุดๆ จนชินไปแล้ว เมื่อก่อนมันจะมีต้นมะพร้าวอยู่ข้างกำแพง วันไหนที่เค้ามีประหาร ป้าๆก็จะปีนต้นมะพร้าวขึ้นดูกัน นักคงนักข่าวมากันตรึม ยิ่งตอนที่ประหารคดีฆ่าชิงทรัพย์ที่ดังๆเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เค้าเปิดให้ประชาชนเข้าไปดูได้แล้ว ไอ้เรื่องลงเรื่องเล่ามันก็มีมาตั้งแต่สมัยก่อน เค้าก็เล่าๆกันมา แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้วล่ะตั้งแต่ที่เค้าเปลี่ยนมาฉีดยา ก็จะมีเรื่องคุณกิ่งแก้วน่ะที่ดังๆ ไอ้พวกถีบสองล้อที่ถีบผ่านแถวนี้บางทีก็ได้ยินเสียง บางทีถีบอยู่ดีๆ ต้นมะพร้าวก็โน้มกิ่งลงมาเอง ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง หนูไม่ได้ทำบ้าง แต่ป้าไม่เคยได้ยินนะ ไม่เคยเห็นอะไรหรอกตั้งแต่เกิดมาน่ะ เกิดที่นี่โตที่นี่ เรื่องนายพันธุ์ก็ดังนะ วันที่ประหาร เค้าเอาศพออกมา จะมีพวกวัยรุ่นมาดูศพแล้วก็ไปว่าเค้าว่าคนเลวแบบนี้สมควรตายแล้ว ตายไปได้ก็ดี ตกกลางคืนวันนั้นไปเข้าฝันเลย บางทีแท็กซี่ก็หลงเข้ามา ไม่รู้หลงเข้ามาได้ยังไง ระแวกแคบๆ ที่แคบๆ"

จากนั้นเราก็ขอบคุณคุณป้าๆที่ให้ข้อมูล และพยายามคลำหาทางออกจะระแวกนั้นอย่างทุลักทุเล เพราะทางแคบและซอยเล็กๆเยอะมากกกก โชคดีที่เจอผู้คุมช่วยบอกทาง

วัดบางแพรกใต้

               วัดบางแพรกใต้ตั้งอยู่ด้านหลังติดกับเรือนจำกลางบางขวาง บริเวณแดน 9 และแดน 11 ซึ่งปัจจุบัน แดน 11 นั้นเป็นแดนสำหรับประหารนักโทษเด็ดขาด วัดบางแพรกใต้เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บศพนักโทษประหาร เพื่อรอให้ญาติมารับไปดำเนินการ 



ประตูทางเข้าของวัดบางแพรกใต้ ซึ่งด้านตรงข้ามจะติดกับกำแพงของเรือนจำ






เดินเข้าไปผ่านประตูหน้าวัด ทางซ้ายมือจะเป็นหอระฆังของวัด





ด้านข้างกับที่เก็บศพเป็นที่ตั้งของอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระประธานปางสะดุ้งมาร ถัดไปจากอุโบสถมีมณฑปจตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ 







Wednesday, 2 March 2016

เรือนจำกลางบางขวาง

               


               จุดมุ่งหมายแรกของเส้นทาง สองเท้าได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กขนาดใหญ่สีทอง ล้อมกำแพงสูง 6 เมตร มีรั้วไฟฟ้าแรงสูง มีหอคอยพร้อมพลแม่นปืนเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่เลขที่ 117 หมู่ 3 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นั่นคือ เรือนจำกลางบางขวางหรือเรือนจำมหันตโทษ นั่นเอง


ในอดีตการประหารชีวิตนักโทษมีการเปลี่ยนเรือนจำเปลี่ยนสถานที่อยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 หลังจากที่ทางการได้สร้างเรือนจำกลางบางขวางหรือคุกบางขวางเสร็จ ก็ได้ย้ายนักโทษและให้มีการประหารชีวิตที่เรือนจำแห่งนี้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



(www.bangkwang.go.th)



..ในขอบเขตของกำแพงกั้น..
..มีความฝันรอการปลดปล่อย..
..รับผลกรรมที่ทำมา..
..วันเวลาที่รอคอย..
..หวังลบแผลด่างพล้อยลบรอยในใจ..


เรือนจำที่ใช้คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จนถึงโทษประหารชีวิต อยู่ติดกับวัดบางแพรกใต้ มีการเปลี่ยนโทษการประหารชีวิตจากการตัดคอเป็นการยิงเป้าเมื่อ พ.ศ. 2478  และถูกปิดฉากลงเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 45 ก่อนหันมาใช้วิธีฉีดยาพิษเข้าสู่ร่างกายตาม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 19 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.46 เป็นต้นมา นักโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าคนสุดท้ายคือ น.ช.พันธ์ สายทอง คดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 4 ขวบ น.ช.เดชา สุวรรณสุก คดีฆ่าข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 4 ขวบ และน.ช.สุดใจ ชนะ คดียาเสพติด โดยเพชฌฆาตที่ชื่อ คุณเชาวเรศน์ จารุบุณย์







          ไม่ว่าอุปกรณ์หรือวิธีการลงโทษโดยทำให้เสียชีวิตจะแตกต่างกันอย่างไร หากแต่เป้าประสงค์หรือจุดมุ่งหมายก็คืออย่างเดียวกัน นั่นคือการลงโทษผู้กระทำความผิดให้เสียชีวิตไปจากสังคม ซึ่งสำหรับเราแล้ว สิ่งที่จะกระทำให้มนุษย์ประสบกับชะตากรรมอันน่าสะเทือนใจเช่นนี้
อะไรที่เป็นสิ่งนำพาชีวิตผู้ต้องโทษมาสู่สถานที่อย่างนี้ได้ ก็มีแค่สิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการกระทำของตัวเค้าเอง



(http://pantip.com/topic/32163793)
             


              เราคิดว่าความตายที่รู้วันเวลาแน่นอน มันทรมาน สิ้นหวัง 
                และคงไม่มีความรู้สึกใดจะโหดร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว...


จุดเริ่มต้น




               วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีงาน ไม่มีสอบ สัปดาห์ว่างๆที่รอคอยมานานมาก จึงขออนุญาตพาตัวเองออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมมาเที่ยวบ้าง แต่จะเที่ยวอย่างไรให้รู้สึกว่าโอ้ยยเต็มที่มั่กๆ ก็เลยต้องเที่ยวในที่ที่ตัวเองสนใจและอยากไปดูไปเห็นไปสัมผัสมานานแล้ว เราเคยได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือนจำกลางบางขวาง ประตูแดงหรือที่เรารู้จักกันในนามประตูผีวัดบางแพรกใต้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าจากพี่แท็กซี่ผ่านเดอะช็อคเอย จากปากชาวบ้านในระแวกนั้นเอย จากเรื่องของคุณยุทธ บางขวางที่มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเพชฌฆาตมือสองหลังจากทำการประหารชีวิตโดยการยิงเป้า น.ช.พันธุ์หรือแหล่ สายทอง นักโทษเด็ดขาดคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี และฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณ และเรื่องเล่าอื่นๆอีกมากมายจากสถานที่ระทึกใจ หลากหลายเรื่องราว ผ่านประตูสำคัญที่จะเปิดก็ต่อเมื่อนำศพออกมาเท่านั้น
               
คุณยุทธ บางขวางกล่าวไว้ว่าหลังจากที่นักโทษประหารสิ้นใจแล้ว วันรุ่งขึ้นนักโทษชั้นเยี่ยมที่สมัครใจ จะไปล้างคราบเลือดภายในห้องประหาร ตัดโซ่ตรวนที่ขาของร่างนักโทษประหาร แล้วนำร่างของนักโทษประหารออกมาอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดที่บริเวณหน้าห้องประหาร เสร็จแล้วจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ ทำการห่อผ้าขาวมัดตราสังข์ แล้วนำบรรจุลงโลงศพ ปิดฝาโลง เขียนชื่อและเลขหมายประจำตัวของนักโทษประหารที่หัวโลง จากนั้นจะนำโลงศพที่มีร่างของนักโทษประหารออกทางประตูผีซึ่งทาสีแดงและอยู่ติดกับห้องประหาร
              

เริ่มการตามรอยเส้นทางนักโทษประหารที่วัดบางแพรกใต้และเส้นทางเก่าที่วัดบางขวาง...